6 ที่ท่องเที่ยวที่น่าท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
1. ภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขา ไฟฟูจิมีความสูงอยู่ที่ 3776 เมตร จากพื้นดิน เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิได้รับการเคารพสักการะประหนึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ และภูเขาไฟฟูจิยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้ที่มาเที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว ภูเขาไฟฟูจิยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท การระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1708การมาชมภูเขาไฟฟูจินั้นอาจจะต้องอาศัยโชคนิดหน่อยหากคุณต้องการเห็นวิวอย่าง ชัดเจนจากบนภูเขาลูกนี้ เนื่องจากปกติแล้วจะถูกเมฆ หมอกปกคลุมอยู่เกือบตลอดเวลา แนะนำว่าถ้าหากอยากเห็นวิวอย่างชัดเจนให้มาในช่วงหน้าหนาว ในช่วงเช้ามืด หรือ ช่วงเย็น เพราะเมฆ หมอก จะมีน้อยกว่าในช่วงอื่นๆอีกหนึ่งสถาน ที่ที่น่าแวะไปเที่ยวเป็นอย่างมากหากมาเที่ยวที่ภูเขาไฟฟูจิก็คือสวน สันติภาพ เฮวะโคเอน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้รับมาจากประธานาธิปดีคนแรกของอินเดีย และเยี่ยมชมเจดีย์สีขาวที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนยอดเขา ภายในมีรูปปั้นพระพุทธเจ้าหล่อทองคำสวยสดงดงาม หากท่านมาเที่ยวโตเกียว ที่สวนสันติภาพในช่วงใบหน้าผลิ ท่านจะได้พบกับวิวของดอกไม้บานสะพรั้งน่าประทับใจ รอบๆสวนแห่งนี้อีกด้วย
ภูเขา ไฟฟูจิมีความสูงอยู่ที่ 3776 เมตร จากพื้นดิน เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิได้รับการเคารพสักการะประหนึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธ์ และภูเขาไฟฟูจิยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้ที่มาเที่ยวญี่ปุ่น โตเกียว ภูเขาไฟฟูจิยังเป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท การระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 1708การมาชมภูเขาไฟฟูจินั้นอาจจะต้องอาศัยโชคนิดหน่อยหากคุณต้องการเห็นวิวอย่าง ชัดเจนจากบนภูเขาลูกนี้ เนื่องจากปกติแล้วจะถูกเมฆ หมอกปกคลุมอยู่เกือบตลอดเวลา แนะนำว่าถ้าหากอยากเห็นวิวอย่างชัดเจนให้มาในช่วงหน้าหนาว ในช่วงเช้ามืด หรือ ช่วงเย็น เพราะเมฆ หมอก จะมีน้อยกว่าในช่วงอื่นๆอีกหนึ่งสถาน ที่ที่น่าแวะไปเที่ยวเป็นอย่างมากหากมาเที่ยวที่ภูเขาไฟฟูจิก็คือสวน สันติภาพ เฮวะโคเอน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้รับมาจากประธานาธิปดีคนแรกของอินเดีย และเยี่ยมชมเจดีย์สีขาวที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนยอดเขา ภายในมีรูปปั้นพระพุทธเจ้าหล่อทองคำสวยสดงดงาม หากท่านมาเที่ยวโตเกียว ที่สวนสันติภาพในช่วงใบหน้าผลิ ท่านจะได้พบกับวิวของดอกไม้บานสะพรั้งน่าประทับใจ รอบๆสวนแห่งนี้อีกด้วย
2. อุทยานฮาโกเน่
ล่องเรือโจรสลัดทะเลสาบอาชิ , แวะหุบเขานรกโอวาคุดานิ
อุทยานฮาโกเน่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ท่านต้องมาสัมผัสให้ได้หากได้มาเที่ยวญี่ปุ่น อุทยาฮาโกเน่นั้นอยู่ไม่ไกลนักจากโตเกียว ห่างจากกรุงโตเกียวไม่ถึง 100 กิโลเมตร อุทยานฮาโกเน่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจาก
บ่อน้ำพุร้อนที่มีกระจ่ายอยู่ทั่วอุทยานแห่งนี้
แถมท่านยังสามารถชมวิวอันสวยงามของภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดเจนได้จากอุทยานฮาโก
เน่ด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นอุทยาฮาโกเน่ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น
โอวาคุดานุเป็นจุดที่อยู่ที่พื้นที่ที่มีการระเบิดของภูเขาไฟฮาโกเน่เมื่อ 3000 ปีก่อน เป็นจุดที่มีน้ำพุร้อนและแม่น้ำที่มีน้ำร้อนๆให้ได้สัมผัสกัน
แถมยังเป็นจุดที่ยอดเยี่ยมในการชมวิวของภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายๆจุดที่น่าสนใจของอุทยานแห่งนี้ เช่น อุทยานกลางแจ้ง, แมน้ำอชิโนกะ, พิพิธภัณฑ์โพล่า, สวนพฤกษาฮาโกเน่
และอีกหลายๆที่ เรียกว่าเที่ยวกันวันเดียวคงไม่ครบแน่ๆ
หากท่านมากับเที่ยวญี่ปุ่นของทางวันเดอร์ฟูรับรองว่าท่านจะได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่าในอุทยานฮาโกเน่อย่างแน่นอน
· ล่องเรือโจรสลัดผ่านทะเลสาบอาชิ
ทะเลสาบที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อ 3000 ปีที่แล้ว
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจมากๆหากคุณได้ไปเที่ยวอุทยานฮาโกเน่ที่ โตเกียว
· โอวาคุดานิ หรือ
หุบเขานรก ภูเขาไฟที่ยังครุกรุ่นรอการปะทุ มีบ่อน้ำพุหลายจุดในบริเวณนี้
แถมยังมีกลินอายของกำมะทันจากไอน้ำหละควันที่มาจากบ่อน้ำพุร้อนในบริเวณนี้ อีกด้วย
แถมในหุบเขานรกนี้ยังมีเรื่องเล่าขานกันว่า
หากนำไข่ไปต้มจนกลายเป็นสีดำและได้กินไข่ใบนั้น จะทำให้อายุยืนขึ้นถึง 7 ปี
3. ช็อปปิ้งแบรนด์เนมที่โกเท็มบะ
เอาท์เล็ต
โกเท็มบะ เอาท์เล็ต
เป็นเอาท์เล็ตที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น มีร้านค้ามากกว่า 200 แบรนด์เนม ในบริเวณของเอาท์เล็ต เยอะจนเลือกช็อปกันไม่ถูกเลยทีเดียว
แบรนด์ต่างๆมาจากทั่วโลกยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าแบรนด์ดัง Michel Klein, Morgan, Elle, Cynthia
Rowley, Diffusione Tessile, กระเป๋าสวยๆจาก Bally,
Prada, Gucci, Diesel, Tumi, Gap, Armany เครื่องประดับและนาฬิกาจาก Tag
Heuer, Agete, S.T.Dupont, Tasaki, Longines รองเท้าแบรนด์สวยๆอย่าง Hush
Puppies, Scotch Grain, Skechers, Hogan ฯลฯ สินค้าสำหรับเด็ก Aigle,
Bandai Asobi, Hakka Kids, Miki House, ของเล่นแบรนด์ดังญี่ปุ่นเช่น Bandai,
Namco เป็นต้น
นี่ยังไม่รวมถึงแบรนด์ที่คุ้นหูคนไทยดีอย่าง Adidas, Nike, Reebok, Puma ฯลฯ แถมยังมีสินค้าอิเล็กโทรนิคให้เลือกซื้อเช่นกันที่โกเท็มบะ เอาท์เล็ต เพราะ ฉะนั้นหากคุณได้มาเที่ยวญี่ปุ่น ที่โตเกียว โกเท็มบะเอาท์เล็ต เป็นจุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเพราะแม้ว่าคุณไม่ได้เป็นขาช็อปปิ้งตัวยง การมาที่เอาท์เล็ตแห่งนี้ก็ทำให้คุณตื่นตาตื่นใจกับสินค้าหลากหลายชั้นนำได้ ไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวที่อื่นๆเลยหละ
4. แช่น้ำแร่ออนเซ็น
การแช่น้ำแร่ออนเซ็นเป็นสเน่อย่างหนึ่งของการเที่ยวญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ น้ำในบ่อน้ำแร่ออนเซ็นนั้นมาจากแหล่งน้ำร่อนจากธรรมชาติเท่านั้น
น้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนของญี่ปุ่นนั้นมีสารเคมีต่างไปจากน้ำธรรมชาติทั่วไป
เนื่องจากเป็นน้ำที่มาจากความร้อนของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิท
มีผลทั้งในเรื่องช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
กระตุ้นการทำงานของระบบประสามของร่างกาย แถมแรงดันของน้ำยังเป็นตัวช่วยให้ท่านได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
และ ผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดี
นอกจากจะได้ประโยชน์ทางด้านสุขภาพ
แล้ว วิวทิวทัศน์ของบ่อน้ำร้อนออนเซ็นในโตเกียวถูกออกแบบมาอย่างดี
ให้คุณได้เห็นท้องฟ้า บรรยากาศ สงบยามค่ำคืน
ทำให้คุณปลีกตัวจากบรรยากาศเมืองที่แสนวุ่นวาย
และได้สัมผัสกับอารมณ์ผ่อนคลายอย่างแท้จริง (อย่าสับสนกับเซ็นโตะนะครับ
เพราะเซ็นโตะเป็นสถานที่ที่ไม่ได้ใช้น้ำจากธรรมชาติเหมือนออนเซ็น
ลักษณะของเซ็นโตะจะเป็นบ้านที่เปิดให้บริการให้ผู้คนเข้ามาอาบน้ำ และ
พบปะพูดคุยกัน)
5. ย้อนเวลาสัมผัสชีวิตชาวญี่ปุ่นในอดีตที่หมู่บ้านอิยาชิ
โนะ ซาโตะ
หมู่ บ้านอิยาชิ โนะ ซาโตะ
นั้นเดิมทีเป็นหมู่บ้านของชาวนา โดยเน้นการทำการเกษตรแบบพอเพียงเป็นหลัก
ตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำไซโกะ ณ เชิงภูเขาไฟฟูจิในปี 1966 หมู่บ้านแห่งนี้ถูกดินถล่มทับ 40 ปีต่อมาได้ถูกสร้างและบูรณะใหม่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ out door ที่แสดงให้เห็นถึงวิธีชีวิต
อาชีพการทำผลิตภัณฑ์ต่างๆด้วยมือ ของชาวญี่ปุ่นยุคโบราณ บ้านลักษณะเก่าแก่กว่า 20 หลังถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านค้า พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม
ที่น่าสนใจคือบ้านที่รับถ่ายรูป ยังมีบริการชุดกิโมโนและชุดซามูไรไว้ให้คุณได้ใส่
ถ่ายไปลงเฟสบุคเท่ๆอีกด้วย ซึ่งผู้ที่มาทัวญี่ปุ่น โตเกียว
ควรแวะมาที่หมู่บ้านแห่งนี้เป็นอย่างยิ่งเพื่อจะได้สัมผัสกับความเป็น
ญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
และซื้อสินค้าทำมือเอกลักษณ์เฉพาะของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อนติดไม้ติดมือกับมา
ฝากเพื่อนหรือญาติที่เมืองไทย
6. วัดอาซากุสะ คันนอน และ
ถนนนาคามิเซะ
วัดอาซากุสะคันนอน ในสมัยก่อนนั้นใช้เป็นที่สักการะ ขอพรจากเทพเจ้าคันนอนจากเหล่าซามูไรและโชกุน และพรก็มักจะประสบผลอยู่เสมอ ทำให้เหล่าโชกุนและเหล่าซามูไรมีความเลื่อมใสในวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก การสักการะบูชาเทพเจ้าคันนอนนั้น ก่อนอื่นต้องชำระร่างกายให้สะอาดด้วยกระถางน้ำด้านข้างของอาคาร และจุดธูปไปปักไว้กระถางธูปขนาดใหญ่ตรงกลางวัด ซึ่งเป็นความเชื่อว่า ถ้าได้รับกลิ่นควันธูปนี้ติดตัวมา จะโชคดีมีสุข ส่วนอื่นก็จะมีการทำบุญไหว้พระ ด้วยการโยนเหรียญลงในกล่อง (เขาว่ากันว่า ถ้าโยนเหรียญแล้วเหรียญไม่โดนไม้ที่กั้นอยู่ คำอธิฐานของเราจะเป็นจริง ดังนั้นชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะค่อยๆ ปล่อยเหรียญลงไป ไม่โยน) แล้วตบมือเบาๆ 2 ครั้ง และอธิษฐานเป็นอันจบพิธีไหว้พระแบบญี่ปุ่น
วัดอาซากุสะคันนอน ในสมัยก่อนนั้นใช้เป็นที่สักการะ ขอพรจากเทพเจ้าคันนอนจากเหล่าซามูไรและโชกุน และพรก็มักจะประสบผลอยู่เสมอ ทำให้เหล่าโชกุนและเหล่าซามูไรมีความเลื่อมใสในวัดแห่งนี้เป็นอย่างมาก การสักการะบูชาเทพเจ้าคันนอนนั้น ก่อนอื่นต้องชำระร่างกายให้สะอาดด้วยกระถางน้ำด้านข้างของอาคาร และจุดธูปไปปักไว้กระถางธูปขนาดใหญ่ตรงกลางวัด ซึ่งเป็นความเชื่อว่า ถ้าได้รับกลิ่นควันธูปนี้ติดตัวมา จะโชคดีมีสุข ส่วนอื่นก็จะมีการทำบุญไหว้พระ ด้วยการโยนเหรียญลงในกล่อง (เขาว่ากันว่า ถ้าโยนเหรียญแล้วเหรียญไม่โดนไม้ที่กั้นอยู่ คำอธิฐานของเราจะเป็นจริง ดังนั้นชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะค่อยๆ ปล่อยเหรียญลงไป ไม่โยน) แล้วตบมือเบาๆ 2 ครั้ง และอธิษฐานเป็นอันจบพิธีไหว้พระแบบญี่ปุ่น
จุดเด่นของวัดอาซากุสะคันนอน
นั่นก็คือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ ที่แขวนอยู่ที่บริเวณประตู “คามินาริมง” หรือ ประตูฟ้าฟาด
ทั้งสองข้างของโคมแดงจะเป็นรูปปั้นของ 2 ผู้รักษาประตู ได้แก่
ฟูจิน เจ้าแห่งสายลม และ ไรจิน เจ้าแห่งสายฟ้า วัดอาซากุสะยังมีเครื่อง รางต่างๆ
ให้เราบูชาอีกมากมาย รวมทั้งร้านของที่ระลึก
ร้านขนมญี่ปุ่นให้ท่านทำการช็อปปิ้งอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น